สอศ.ของบฯ 1,900ล้านเพื่องดเก็บ'ค่าเทอม'
สอศ.ของบฯ 1,900ล้านเพื่องดเก็บ'ค่าเทอม'

สอศ.ของบฯ 1,900ล้านเพื่องดเก็บ’ค่าเทอม’ เลขาธิการกอศ. เตรียมงบประมาณปี 64 1,900 ล้านบาท เพื่องดเก็บค่าเทอมเด็กปวส. เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้ถือเป็นกำลังหลักที่เป็นแรงงานของประเทศ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กยากจน

เมื่อวันที่ 17 ส.ค.นายณรงค์ แผ้วพลสง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กอศ.) เปิดเผยว่า  ตามที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบายเรื่องการสร้างศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) สำหรับธุรกิจต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละบริบทของแต่ละภูมิภาคนั้น ขณะนี้วิทยาลัยอาชีวศึกษาแต่ละแห่งของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ได้มีการกำหนดสาขาวิชาที่มีความโดดเด่นของแต่ละวิทยาลัยแล้ว แต่ในส่วนของสาขาอื่น ๆ ที่เป็นความต้องการของสังคมในพื้นที่นั้น ๆ วิทยาลัยก็ยังคงเปิดการเรียนการสอนอยู่ เพื่อที่จะดึงให้ผู้ที่สนใจเข้ามาเรียน เพียงแต่ให้วิทยาลัยยกระดับสาขาที่มีความโดดเด่นชัดเจนของตัวเองขึ้นมา 1 สาขา เท่านั้น โดยดูจากความต้องการของตลาดแรงงานในพื้นที่ หรือความถนัดเฉพาะด้านของแต่ละวิทยาลัย ทั้งนี้ สอศ.จะมุ่งส่งเสริมอย่างเต็มที่ และในระยะยาวเชื่อว่าวิทยาลัยจะสามารถผลิตวิชาชีพเฉพาะทางในด้านนั้น ๆ ได้ 

เลขาธิการ กอศ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับภาพรวมของการรับนักศึกษาอาชีวศึกษา ปีการศึกษา 2563 นี้ ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) มีผู้เรียนเพิ่มขึ้นจากปีการศึกษาที่ผ่านมาประมาณ ร้อยละ 10 ทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายหลักที่ สอศ.ตั้งไว้ แม้จะไม่ได้เต็มที่ เนื่องจากติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 โดยสาขาที่ได้รับความนิยมมีผู้สมัครเข้าศึกษาจำนวนมาก ได้แก่ สาขากลุ่มเครื่องยนต์ สาขาไฟฟ้า และสาขาเกษตรกรรม เป็นต้น ทั้งนี้ตนมองว่าสาเหตุหนึ่งที่ส่งผลให้จำนวนผู้เรียนอาชีวศึกษาเพิ่มมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการเปิดสาขาวิชาใหม่ ๆ ที่เป็นความสนใจจากสังคม

อย่างไรก็ตามขณะนี้ สอศ.ได้เตรียมที่จะผลักดันให้มีการงดเก็บค่าเล่าเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) เนื่องจากเด็กกลุ่มนี้ถือเป็นกำลังหลักที่เป็นแรงงานของประเทศ และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเด็กยากจน ซึ่ง สอศ.ได้เริ่มดำเนินโครงการดังกล่าวตั้งแต่ปีการศึกษา 2563 โดยได้เสนอของบประมาณเพื่อดำเนินการ จำนวน 1,900 ล้านบาท ทั้งนี้ตนมองว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยเหลือเด็กกลุ่มนี้ได้ถึง 400,000 ครอบครัว. 

ขอบคุณที่มาและอ่านเพิ่มเติม : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 17 สิงหาคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่