สพฐ.เตรียมผุดโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลต้นแบบเขตพื้นที่ละ 1 แห่ง
สพฐ.เตรียมผุดโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลต้นแบบเขตพื้นที่ละ 1 แห่ง

สพฐ.เตรียมผุดโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลต้นแบบเขตพื้นที่ละ 1 แห่ง “ธนุ” เผย เลขาธิการกพฐ.มอบให้ดูการบริหารจัดการโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล เตรียมผุดโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลต้นแบบเขตพื้นที่ละ 1 แห่ง ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนแล้ว ขณะที่ รมว.ศธ.ย้ำต้องไม่ทำหว่านแต่ต้องเห็นผลชัดเจนและจับต้องได้

ดร.ธนุ วงศ์จินดา รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้มอบหมายให้ตนดูแลเรื่องการจัดการศึกษาโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล ซึ่งขณะนี้ตนได้ตั้งคณะทำงานในการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลแล้ว โดยการขับเคลื่อนโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลนั้นนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ได้มีนโยบายเป็นข้อสั่งการมาว่า การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้เป็นการทำงานในภาพกว้างไม่เกิดผลขับเคลื่อนที่ชัดเจน ดังนั้นการดำเนินการในเรื่องนี้เราจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ โดยคัดเลือกโรงเรียนประจำตำบลที่โดดเด่น เพื่อให้มาเป็นต้นแบบก่อน

โดยจะดำเนินการจะคัดเลือกโรงเรียนประจำตำบลต้นแบบในเขตพื้นที่การศึกษาละ 1 แห่ง มาพัฒนาให้มีคุณภาพเติมงบประมาณ บุคลากร อาคารสถานที่ เพื่อให้เป็นต้นแบบหากประสบความสำเร็จก็จะมีการขยายผลต่อไป

โดยในวันที่ 29 ต.ค.นี้จะมีการประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ทั่วประเทศ ซึ่งเลขาธิการกพฐ.จะชี้แจงทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้แก่เขตพื้นที่รับทราบและนำไปปฎิบัติ เพื่อคัดเลือกโรงเรียนประจำตำบลเขตละ 1 แห่งให้มาเป็นโรงเรียนต้นแบบ ทั้งนี้โรงเรียนประจำตำบลต้นแบบเราจะทำให้เป็นโรงเรียนประจำตำบลยอดนิยมเหมือนมีโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาอยู่ในตำบล ซึ่งจะลดการที่เด็กไปกระจุกเรียนอยู่แต่โรงเรียนในเมือง และเป็นการแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษาลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา อีกทั้งจะช่วยโรงเรียนขนาดเล็ก เพราะจะทำให้เกิดการไหลรวมของโรงเรียนประจำตำบลมารวมกับโรงเรียนขนาดเล็กไปเอง

ส่วนโรงเรียนคุณภาพประจำตำบล จำนวน 8,000 แห่งที่มีการดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้แล้วนั้นยังคงดำเนินการต่อไป แต่คงไม่หว่านทำทั้งหมด เพราะงบประมาณที่มีอยู่ไม่สามารถทำทั้งหมดได้ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดคุณภาพ เพราะการเป็นโรงเรียนคุณภาพประจำตำบลจะต้องจับต้องได้

ขอบคุณที่มาและอ่านต่อที่ : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่