สพฐ.พร้อมส่งต่อเด็กเรียนสายอาชีพ ติง โรงเรียนอย่าปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา เลิกหวงเด็ก เพื่อหวังเงินอุดหนุนรายหัว
สพฐ.พร้อมส่งต่อเด็กเรียนสายอาชีพ ติง โรงเรียนอย่าปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา เลิกหวงเด็ก เพื่อหวังเงินอุดหนุนรายหัว

สพฐ.พร้อมส่งต่อเด็กเรียนสายอาชีพ ติง โรงเรียนอย่าปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา เลิกหวงเด็ก เพื่อหวังเงินอุดหนุนรายหัว เพราะโรงเรียนมีหน้าที่จัดการศึกษาให้นักเรียนอย่างเหมาะสมตามความถนัดของเด็กแต่ละคน ดังนั้นหากเด็กมีศักยภาพตามความถนัดด้านไหนโรงเรียนควรส่งเสริมอย่างเต็มที่ไม่ใช่ไปปิดกั้นโอกาสของเด็กในการเรียนต่อ

นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายขับเคลื่อนการผลิตผู้เรียนสายอาชีพให้เป็นกำลังหลักสำคัญของการพัฒนาประเทศในอนาคตนั้น ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เราได้มีการวางแผนเตรียมผู้เรียนเพื่อจะส่งต่อให้ไปเรียนในสายอาชีวศึกษาไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งนโยบายนายกรัฐมนตรีต้องการพัฒนาประเทศด้วยการทำให้คนมีงานทำ

ดังนั้นช่องทางที่จะสร้างอาชีพและตอบโจทย์การมีงานทำมากที่สุด คือการเรียนอาชีวศึกษา ซึ่งนอกจากสพฐ.จะเตรียมปรับแผนการเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นให้ตอบโจทย์การเรียนสายอาชีพ โดยเฉพาะจะมีการสร้างความร่วมมือกับอาชีวศึกษา เช่น โรงเรียนแห่งไหนที่มีที่ตั้งใกล้กับวิทยาลัยอาชีวศึกษา ก็ให้มีการสร้างห้องเรียนสายอาชีพขึ้น เป็นต้น เพื่อทำให้เด็กมีแรงบันดาลใจในการเรียนสายอาชีพมากขึ้น
           
เลขาธิการกพฐ. กล่าวต่อไปว่า   ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายมองว่าการที่ไม่สามารถเพิ่มผู้เรียนสายอาชีพได้นั้นส่วนหนึ่งมาจากโรงเรียนไม่ยอมปล่อยเด็กให้มาเรียนสายอาชีพ เพราะห่วงเรื่องเงินอุดหนุนรายหัวนั้น ตนขอย้ำว่าจากนี้ไปนโยบายการขับเคลื่อนผู้เรียนให้ไปศึกษาต่อสายอาชีพเปลี่ยนไปแล้ว โดยโรงเรียนทุกแห่งต้องเลิกหวงเงินอุดหนุนรายหัว ซึ่งจะต้องยึดประโยชน์และผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ต้องทำให้เด็ได้เรียนได้มีงานทำ เพราะโรงเรียนมีหน้าที่จัดการศึกษาให้นักเรียนอย่างเหมาะสมตามความถนัดของเด็กแต่ละคน

ดังนั้นหากเด็กมีศักยภาพตามความถนัดด้านไหนโรงเรียนควรส่งเสริมอย่างเต็มที่ไม่ใช่ไปปิดกั้นโอกาสของเด็กในการเรียนต่อ สำหรับขณะนี้มีโรงเรียนหลายแห่งปรับแผนการเรียนระดับม.ปลายให้ตอบโจทย์อาชีพและการมีงานทำจะส่งผลกระทบกับการส่งต่อผู้เรียนสู่สายอาชีพหรือมานั้น เรื่องนี้ไม่สร้างผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะเป็นการปรับแผนการเรียนคนละรูปแบบ  

ขอบคุณที่มาและอ่านต่อ : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 12 ตุลาคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่