สช. ขีดเส้นรร.เอกชน 124 โรง ไร้เด็กแต่ไม่เลิกกิจการ
สช. ขีดเส้นรร.เอกชน 124 โรง ไร้เด็กแต่ไม่เลิกกิจการ

สช. ขีดเส้นรร.เอกชน 124 โรง ไร้เด็กแต่ไม่เลิกกิจการ “อรรถพล”ถก บอร์ดสช.รายงานข้อมูลโรงเรียนเอกชนเพิกเฉยการส่งตราสารจัดตั้ง อึ้ง พบโรงเรียนเอกชนหลายแห่งไม่มีนักเรียนเรียนแต่ยังไม่ขอยกเลิกกิจการ ขีดเส้นหากยังไม่มายื่นข้อมูลกับสช.ภายในเดือนมี.ค.นี้

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ กช. เมื่อเร็วๆนี้ ที่ประชุมได้หารือถึงโรงเรียนเอกชนหลายแห่งที่ไม่ยอมส่งรายงานการประเมินตนเองตามระบบประกันคุณภาพ (Self – Assessment Report : SAR) มีจำนวน 234 แห่ง   ซึ่งในเรื่องนี้โรงเรียนเอกชนจะต้องดำเนินการจัดส่งทุกปี

ขณะที่การจัดส่งตราจัดตั้งและรายละเอียดกิจการโรงเรียนเอกชนยังพบว่า มีโรงเรียนเอกชนจำนวน 529 แห่งก็ไม่ได้ดำเนินการจัดส่งตราสารจัดตั้งดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2554 เช่นกัน เพราะสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้เป็นนายทะเบียนกลางจำเป็นต้องมีเอกสารเหล่านี้จัดเก็บไว้

โดยที่ผ่านมาสช.ใช้ความพยายามว่าโรงเอกชนแห่งใดที่จะประกาศค่าธรรมเนียมในปีการศึกษาใหม่จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อนว่าโรงเรียนเหล่านั้นได้ส่งรายงานการประเมินตนเองตามระบบประกันคุณภาพ กับ ตราจัดตั้งและรายละเอียดกิจการโรงเรียนเอกชนครบถ้วนแล้วหรือไม่ หากไม่ส่งเราจะไม่อนุญาตให้ประกาศค่าธรรมเนียมใหม่ แต่การดำเนินการนี้กลับไม่ได้ผล

เพราะโรงเรียนก็ไม่ยอมที่ประกาศค่าธรรมเนียมการศึกษาใหม่เช่นกัน ทั้งนี้ที่ประชุมจึงมีข้อสรุปว่าหากโรงเรียนเอกชนยังละเลยเพิกเฉยในการจัดส่งเอกสารเหล่านี้อยู่ขอให้สช.ดำเนินการตามกฎหมาย คือ การให้โรงเรียนเอกชนงดรับนักเรียนในปีการศึกษาต่อไปทันที
            
เลขาธิการ กช. กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ สช.ต้องการจัดระเบียบสังคมเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานทะเบียนจำนวนโรงเรียนต่างๆ  จึงได้รายงานผลการติดตามโรงเรียนเอกชนที่ไม่มีจำนวนนักเรียนแต่ยังไม่ยื่นคำขอเลิกกิจการโรงเรียนในระบบ ซึ่งปัจจุบันมีโรงเรียนเอกชนในระบบที่ไม่ปรากฏจำนวนนักเรียนและยังไม่ยื่นคำขอเลิกกิจการโรงเรียนในระบบ จำนวน 124 โรง จำแนกเป็น กรุงเทพมหานคร จำนวน 61 โรง ต่างจังหวัด จำนวน 63 โรง เนื่องจากมีปัญหาตามมาคือเอกสารหลักฐานทางการเรียนสช.ไม่สามารถนำเอกสารมาเก็บรักษาไว้ได้ เพราะโรงเรียนเหล่านี้ยังไม่ยอมขอยกเลิกกิจการ

ซึ่งที่ผ่านมาสช.เร่งรัดและทวงถามข้อมูลไปยังผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนแล้วแต่ก็ยังไม่มีการแจ้งข้อมูลกานยกเลิกกิจการแต่อย่างใด โดยการไม่ขอยกเลิกกิจการของโรงเรียนเอกชนนั้นกลับพบว่ามีครูประมาณ 100 คนมีรายชื่ออยู่ในโรงเรียนที่ไม่ได้มีนักเรียนแล้ว แต่ยังมีการส่งเงินสมทบเข้ากองทุนสงเคราห์ครูโรงเรียนเอกชนอยู่ทำให้รัฐต้องจ่ายเงินสมทบ 6 %ทุกเดือน ซึ่งรัฐเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมากฟรีๆทุกเดือนโดยไม่จำเป็น

ดังนั้นสช.จะดำเนินการทวงถามอีกครั้ง หากยังเพิกเฉยสช.จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการควบคุมโรงเรียนเอกชนแห่งนั้นๆ ซึ่งเมื่อมีคณะกรรมการควบคุมสช.มีสิทธิเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนได้

ขอบคุณที่มาของข่าว : เดลินิวส์ 19 มีนาคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่