ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ
ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ

ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ ตั้งเป้าในทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม 185 ศูนย์ และในวิทยาลัยอาชีวะ 100 ศูนย์ภายในปี 2564

ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ
ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ

วันที่ 19 กันยายน 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC) ต้นแบบ เพื่อเป็นศูนย์กลางการสร้างความร่วมมือระหว่างโรงเรียน-เอกชนในระดับภูมิภาค พร้อมพัฒนาศักยภาพบุคคลสู่การเป็นทุนมนุษย์ที่มีความเป็นเลิศตามมาตรฐานสากล โดยมีผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ อาทิ นายวราวิช กำภู ณ อยุธยา ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายอำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) นายกวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการ กพฐ. นายสนิท แย้มเกษร รองเลขาธิการ กพฐ. นางอาทิตยา ปัญญา ผู้อำนวยการศูนย์บริหารงานการพัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (ศบศ.) และผู้สนใจเข้าร่วมในพิธี รวมกว่า 250 คน ณ หอประชุมคุณหญิงบุญเจือ โรงเรียนสตรีวิทยา 2 กรุงเทพมหานคร 

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศธ. กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการได้จัดเตรียมกลไกขับเคลื่อนการศึกษาไทยสู่ยุคใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะใช้ระบบการศึกษาให้เป็นกลไกในการขับเคลื่อนและพัฒนาทุนมนุษย์ (Human Capital) สู่ความเป็นเลิศ โดยมุ่งเน้นให้กระบวนการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการต้อง “ปลดล็อก ปรับเปลี่ยน เปิดกว้าง” เพื่อรองรับการปฏิรูปทางการศึกษาตามแผนงานการศึกษายกกําลังสอง โดยได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการนำภาคเอกชนมามีส่วนร่วมในการเตรียมความพร้อมการพัฒนากำลังคนในทุกมิติ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของตลาดแรงงานที่ภาคเอกชนต้องการ เป็นการเรียนกับมืออาชีพเพื่อให้ได้ศักยภาพแรงงานที่เป็นเลิศอย่างแท้จริง รวมทั้งตั้งเป้าหมายให้ศูนย์ HCEC เป็นศูนย์กลางในการเพิ่มขีดความสามารถของทุนมนุษย์ เพื่อปฏิรูปการศึกษาสู่ความเป็นเลิศอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ
ศธ. เดินหน้าเปิดศูนย์ “HCEC ศูนย์กลางการทดสอบสมรรถนะครู” พัฒนาศักยภาพรายบุคคลต้นแบบ

HCEC มีเป้าหมายหลักในการช่วยให้ระบบการศึกษาดีขึ้น ด้วยการพัฒนาวิชาชีพครู และทำงานร่วมกับวิทยาลัยอาชีวะในการพัฒนาวิชาชีพซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาด เป็นศูนย์พัฒนาศักยภาพในเขตพื้นที่การศึกษาที่สอนและจัดอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญจากภาคเอกชน ทั้งแบบออนไลน์และแบบห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) โดยมุ่งหวังให้เป็นศูนย์พัฒนาศักยภาพและเพิ่มขีดความสามารถในทักษะต่างๆ ที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 ในเขตพื้นที่การศึกษาที่สอนและจัดอบรมโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา โดยศูนย์ HCEC จะจัดตั้งขึ้นภายในโรงเรียนและวิทยาลัยต่างๆ ทั่วประเทศ ตามแผนงานที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้วางนโยบายในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (Human Capital Excellence Center : HCEC) ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ รวม 185 ศูนย์ และในวิทยาลัยอาชีวะ 100 ศูนย์ภายในปี 2564

นายณัฏฐพล กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ได้แบ่งกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานจัดตั้งศูนย์ HCEC ภายในโรงเรียน เป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 จำนวน 82 ศูนย์ และระยะที่ 2 จำนวน 103 ศูนย์ โดยใช้ศูนย์พัฒนาการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ (English Resources Information Center : ERIC) เดิม ที่ตั้งอยู่ในโรงเรียนประจำจังหวัดและโรงเรียนประจำอำเภอเป็นที่ตั้งของศูนย์ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่จะผลักดันให้ศูนย์พัฒนาศักยภาพบุคคลเพื่อความเป็นเลิศ (HCEC) เป็นศูนย์กลางในการอบรมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา (Training Center) แบบออนไลน์และแบบห้องเรียนเสมือนจริง (Virtual Classroom) รวมถึงการอบรมพัฒนาด้านอื่นๆ ของทุกจังหวัด เป็นศูนย์กลางในการทดสอบสมรรถภาพของครูและบุคลากรทางการศึกษา (Testing Center) วัดระดับความสามารถและทักษะด้านต่างๆ ตามสมรรถนะที่ สพฐ. กำหนด อาทิ การทดสอบทักษะด้านภาษาอังกฤษ (English Literacy) และทักษะด้านเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Literacy) ซึ่งถือว่าเป็นทักษะพื้นฐานในมาตรฐานวิชาชีพครู รวมถึงทักษะอื่นๆ ที่สำคัญในศตวรรษที่ 21 และยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ในการตรวจสอบรับรองคุณสมบัติการออกใบประกาศนียบัตรในรูปแบบออนไลน์ (E-Certification) การตรวจสอบรับรองคุณสมบัติเพื่อใช้ในการต่อใบประกอบวิชาชีพครู (Teacher License) ครอบคลุมถึงการตรวจสอบรับรองคุณสมบัติด้านการส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาชีพ และให้มีวิทยฐานะสูงขึ้น

กระทรวงศึกษาธิการเชื่อมั่นว่ากลไกขับเคลื่อนทั้งหมดที่กล่าวมา จะนำไปสู่ความเป็นเลิศของผู้ที่เกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาไทยทั้งระบบ เพราะเมื่อการศึกษากลายเป็นระบบนิเวศโดยสมบูรณ์ ด้วยการเชื่อมต่อผ่าน HCEC, DEEP และเปลี่ยนวิธีการวัดผลด้วย EIDP ทั้งนักเรียน ครู และผู้บริหารสถานศึกษา จะสามารถประสบความสำเร็จได้ในแบบฉบับของตนเอง และจะนำพาให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศที่มีฐานทุนมนุษย์ที่เป็นเลิศอย่างแท้จริง โดยคาดหวังว่าในระยะสั้น ระบบการศึกษาที่ดีจะช่วยให้ประเทศไทยสามารถสร้างความเชื่อมั่น และความแตกต่าง สร้างความน่าสนใจให้ประเทศต่างๆ อยากมาลงทุนมากขึ้น ในระยะกลางทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันในเวทีโลกได้ และในระยะยาวหากเกิดปัญหาหรือสถานการณ์วิกฤตขึ้น ประเทศไทยจะมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวและมีความสามารถในการฟื้นตัวได้ดีอย่างแน่นอน

“จากยุทธศาสตร์แผนงานการศึกษายกกำลังสองที่ได้มอบหมายนโยบายให้กับทุกๆ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปเรียบร้อยแล้วนั้น ทำให้เราเชื่อมั่นว่าการปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบในทุกๆ มิติ จะสามารถพัฒนาและเป็นแรงผลักดันให้บุคลากรแรงงานของไทยมีทักษะและศักยภาพที่ตอบโจทย์กับความต้องการของภาคเอกชน และภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนเท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในศตวรรษที่ 21 นี้ได้อย่างแน่นอน” รมว.ศธ. กล่าว

ขอบคุณที่มา : Facebook ประชาสัมพันธ์ สพฐ.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่