ร้องคุรุสภาเร่งประกาศผลสอบใบประกอบวิชาชีพครู หวั่นครูอัตราจ้างเสียสิทธิสมัครสอบครูผู้ช่วย สพฐ.
ร้องคุรุสภาเร่งประกาศผลสอบใบประกอบวิชาชีพครู หวั่นครูอัตราจ้างเสียสิทธิสมัครสอบครูผู้ช่วย สพฐ.

ร้องคุรุสภาเร่งประกาศผลสอบใบประกอบวิชาชีพครู หวั่นครูอัตราจ้างเสียสิทธิสมัครสอบครูผู้ช่วย สพฐ.

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ลานพระพฤหัสบดี หน้าหอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีรบูล เสมาทอง ประธานสมาพันธ์สมาคมครูแห่งประเทศไทย(ส.ค.ท.) พร้อมผู้แทน ส.ค.ท.กว่า 60 คน เดินทางยื่นหนังสือ ขอความอนุเคราะห์เร่งการประกาศผลการสอบใบประกอบวิชาชีพก่อนกำหนด ต่อ นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา

โดย นายวีรบูล กล่าวว่า ขณะนี้มีครูอัตราจ้างในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.) ทั่วประเทศจำนวนมากกว่าหมื่นคน ที่มีคุณสมบัติเข้าเกณฑ์สามารถสอบคัดเลือกเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) กรณีที่มีความจำเป็นหรือมีเหตุพิเศษ ที่จะปิดรับสมัครในวันที่ 31 มี.ค.นี้ แต่พบว่าครูอัตราจำนวนมากยังไม่มีใบประกอบวิชาชีพครู ทั้งที่ได้ทำการสอบเพื่อขอรับใบประกอบวิชาชีพไปแล้วตั้งแต่วันที่ 21-23 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยจะประกาศผลการสอบในวันที่ 31 มี.ค. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่สพฐ.เปิดรับสมัคร

จะส่งผลให้ครูอัตราจ้างกลุ่มนี้ ไม่สามารถไปสมัครสอบได้ จึงขอเรียกร้องให้คุรุสภา เร่งแก้ไขปัญหานี้ โดยขอให้ทบทวนวันประกาศผลการทดสอบขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และประสานไปยังสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)เพื่อเร่งผลการทดสอบและประสานมหาวิทยาลัยต้นสังกัด เพื่อขอผลการประเมินสมรรถนะและรายชื่อผู้สำเร็จการศึกษา ให้ได้ก่อนวันที่ 31 มี.ค. เพื่อให้ครูอัตราจ้างสามารถสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษได้” ประธาน ส.ค.ท.กล่าว

ด้านนายนายดิศกุล กล่าวว่า คุรุสภาจะประสานงานกับส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอให้ดำเนินการให้ทันตามเวลา หรือให้กระบวนการต่างๆ เสร็จสิ้นก่อนเวลา พร้อมกับประสาน สพฐ.ว่า หากผู้สอบยังไม่ได้รับใบประกอบวิชาชีพ สพฐ.จะมีทางผ่อนปรนอย่างไรบ้าง จะสามารถให้ครูอัตราจ้างสมัครสอบไปก่อนได้หรือไม่ เพื่อไม่ให้กระทับกับสิทธิที่ควรได้ รวมถึงจะประสานกับทางมหาวิทยาลัยให้ออกใบรับรองการจบ ประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หรือ ป.บัณฑิต ให้เร็วขึ้น เพื่อให้ผู้ที่จบนำมายื่นสมัครสอบครูผู้ช่วยได้ทันเวลา

ขอบคุณที่มาและอ่านต่อ Facebook เพจ มองมุมใหม่ Five Focus และ http://www.focusnews.in.th/9969

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่