รร.หลายแห่งเริ่มการ์ดตก !!! ปลัด ศธ.กำชับปฏิบัติเข้มมาตรการโควิด
รร.หลายแห่งเริ่มการ์ดตก !!! ปลัด ศธ.กำชับปฏิบัติเข้มมาตรการโควิด

รร.หลายแห่งเริ่มการ์ดตก !!! ปลัด ศธ.กำชับปฏิบัติเข้มมาตรการโควิด

เมื่อวันที่ 8 ก.ค.ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จากการที่ตนได้ร่วมประชุมกับศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 (ศบค.) ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้รายงานในที่ประชุมว่ามีการติดเชื้อมากขึ้นในกลุ่มนักเรียน โดยสถานการณ์การเปิดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ตั้งแต่วันที่ 17 พ.ค.เป็นต้นมา กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้รับรายงานการติดเชื้อโควิดของนักเรียนหลายหมื่นคน และลดจำนวนลงมาเรื่อย ๆ แต่เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้พบกราฟตัวเลขจำนวนนักเรียนติดเชื้อกลับพุ่งสูงขึ้นมาอีก แต่ก็ยังเป็นจำนวนตัวเลขที่ไม่น่ากังวล เพราะส่วนใหญ่โรงเรียนสังกัด ศธ.ที่พบนักเรียนติดเชื้อจำนวนตัวเลขนักเรียนที่ติดโควิดอยู่ในสัดส่วนประมาณ 1-2 คนต่อห้องเรียน ซึ่งโรงเรียนที่พบนักเรียนติดเชื้อแต่ละแห่งก็ดำเนินการตามมาตรการที่ ศธ.กำหนด โดยเฉพาะแผนเผชิญเหตุ คือ ปิดเฉพาะชั้นเรียน และระดมทำความสะอาดพ่นยาฆ่าเชื้อ จากนั้นก็ดำเนินการเรียนการสอนตามปกติ โดยโรงเรียนสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ตามความเหมาะสม

ปลัด ศธ.กล่าวอีกว่า ในส่วนของโรงเรียนบุณยวาท จ.ลำปาง ที่ประกาศปิดโรงเรียนและใช้วิธีเรียนออนไลน์ทั้งหมดนั้นได้รับรายงานว่า โรงเรียนจัดกิจกรรมนอกห้องเรียนรวมกลุ่มหลายร้อยคนจึงทำให้เกิดการติดเชื้อ แต่ไม่มีใครอาการน่าเป็นห่วง ขณะที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัยได้รับรายงานว่าเป็นการติดเชื้อสะสม 700 คนตั้งแต่เปิดภาคเรียนเดือน พ.ค. ซึ่งรักษาหายแล้ว แต่ขณะนี้ยอดสะสมเหลือเพียง 200 คน และอยู่ระหว่างการรักษาตัว ซึ่งโรงเรียนได้ดำเนินการสอบสวนโรคร่วมกับ สธ.ในพื้นที่พบว่าเป็นการติดเชื้อจากโรงอาหารในโรงเรียน เพราะยอมรับว่ามาตรการอาจหละหลวมในเรื่องการสวมใส่หน้ากากอนามัย และการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมถึงได้สำรวจเส้นทางการกลับบ้านของนักเรียนหลังเลิกเรียนพบว่าเมื่อเลิกเรียนเด็กไม่ได้กลับบ้านในทันที แต่มีการแวะทำกิจกรรมพักผ่อนตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ จึงอาจทำให้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ และเมื่อมาโรงเรียนจึงนำมาแพร่เชื้อในโรงเรียน ดังนั้นตนขอกำชับให้สถานศึกษาทุกแห่งเข้มงวดมาตรการ 6-6-7 ที่ประกอบไปด้วย เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด ใช้ช้อนกลางส่วนตัว ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ กักกันตัวเอง และมาตรการเข้มเปิดโรงเรียน ไป-กลับ จัดระบบให้บริการอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ การระบายอากาศภายในอาคารเรียน พร้อมควบคุมดูแลการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียนอย่างเข้มข้น

“ยืนยันว่าเราจะไม่มีการประกาศปิดสถานศึกษาเพื่อเรียนออนไลน์แล้ว ซึ่งการเรียนออนไลน์จะเป็นแผนสำรองเท่านั้น เพราะการเรียนที่ดีที่สุดคือการเรียนในห้องเรียน และทุกคนจะต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้ภายใต้การป้องกันดูแลตัวเองอย่างเข้มงวด เนื่องจากสถานการณ์โควิดจะอยู่ในระดับวิกฤตขั้นสูงสุดภายใน 1-2 เดือนนี้แต่จากนั้นจะเข้าสู่สถานการณ์ของโรคที่เป็นปกติ ซึ่งอาจจะนำไปสู่การประกาศเป็นโรคประจำถิ่นต่อไปได้ สำหรับการฉีดวัคซีนของนักเรียนนั้นหากผู้ปกครองคนใดยังไม่อนุญาตให้บุตรหลานของตัวเองฉีดวัคซีนก็ให้คิดใหม่ เพราะวัคซีนสามารถลดอาการรุนแรงของโรคได้ โดยขณะนี้การฉีดวัคซีนของนักเรียนอายุ 12-17 ปีได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 20%จากจำนวนนักเรียนทั้งหมดประมาณ 5 ล้านคน” ดร.สุภัทร กล่าว

ขอบคุณที่มา : Facebook At_HeaR ข่าวจริงเข้าหู

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่