“ตรีนุช” ย้ำปรับแก้โครงสร้าง ศธ.ให้น้อยที่สุด เน้นไปที่คุณภาพของผู้เรียน – การพัฒนาการเรียนรู้

ดร.อำนาจ วิชยานุวัติ เลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เปิดเผยว่า ตามที่ น.ส.ตรีนุช เทียนทองรมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ได้แต่งตั้งตนเป็นประธานคณะทำงานพิจารณากฎหมายลำดับรองที่สอดคล้องกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ..นั้น เมื่อเร็วๆนี้ คณะทำงานฯ ได้พิจารณากฎหมายลำดับรอง ที่เป็นกฎหมายหลัก 3 ฉบับ ได้แก่ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งก่อนหน้านี้นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศธ.ได้แต่ตั้งคณะทำงานศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องกับร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ…ไว้จำนวน 10 คณะ โดยในส่วนการปรับปรุง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เป็นเจ้าภาพหลัก นั้น ได้มีการพิจารณาร่างแก้ไขในเบื้องต้นไปบ้างแล้ว โดยคณะทำงานฯ ได้ตั้งข้อสังเกตให้ไปปรับปรุงในเรื่องขององค์คณะบุคคล และอำนาจการบริหารงานบุคคลบางประการมาอีกครั้ง

เลขาธิการ สกศ. กล่าวอีกว่า ในส่วนของ พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ประชุมคณะทำงานฯได้มอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. และกรรมการอีกชุดหนึ่ง ไปดูเรื่องโครงสร้างของ ศธ. ซึ่งรมว.ศธ.ได้มอบนโยบายเป็นหลักการไว้ว่า ในส่วนของโครงสร้างศธ. ไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงมาก เพื่อให้กระทบน้อยที่สุด หรือไม่กระทบได้ยิ่งดี เพราะการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างจะกระทบกับบุคลากรจำนวนมาก และจะส่งผลต่อกระบวนการจัดการศึกษา โดย รมว.ศธ.มีนโยบายการจัดการศึกษาที่เน้นไปที่คุณภาพของผู้เรียน ดูเรื่องการพัฒนาการเรียนรู้ การจัดการเรียนการสอนของครูในโรงเรียน การดูแลความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ การปรับปรุงเรื่องหลักสูตร ดูแลเรื่องพัฒนาการอาชีวศึกษา การศึกษานอกโรงเรียนของผู้สูงวัย การศึกษาตลอดชีวิต การศึกษาของเอกชน และในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 นี้ จะทำให้การเรียนออนไลน์มีประสิทธิภาพได้อย่างไร เป็นต้น

ดร.อำนาจ กล่าวต่อว่า คณะทำงานฯ ยังได้หารือถึงการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ เป็นหน่วยงานของรัฐในกำกับของรมว.ศธ. มีฐานะเป็นนิติบุคคล ที่ไม่เป็นส่วนราชการ ซึ่งในมาตรา 105 ของร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ระบุว่า ในวาระเริ่มแรกเป็นเวลาไม่เกิน 5 ปีนับตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ใช้บังคับ ให้สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ทำหน้าที่เป็นสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ เพื่อทำหน้าที่พัฒนาหลักสูตรในช่วงเปลี่ยนผ่าน ดังนั้น คณะทำงานฯ จะประสานงานกับ สสวท.และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ก่อนหารือ รมว.ศธ.ว่าอาจจะออกระเบียบ ศธ.ว่าด้วยการเตรียมความพร้อมในการจัดตั้งสถาบันพัฒนาหลักสูตรและการเรียนรู้ ซึ่งจะมีการหารือในเร็วๆนี้

ขอบคุณที่มา ; Facebook At_HeaR ข่าวจริงเข้าหู

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่