บอร์ด กพฐ. เผยผลวิจัยพบ ผอ.รร.ขาดความเป็นผู้นำทางวิชาการ
บอร์ด กพฐ. เผยผลวิจัยพบ ผอ.รร.ขาดความเป็นผู้นำทางวิชาการ

บอร์ด กพฐ. เผยผลวิจัยพบ ผอ.รร.ขาดความเป็นผู้นำทางวิชาการ

นายเอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังการประชุม กพฐ.ว่า ที่ประชุมได้มีการหารือถึงงานวิจัยของมูลนิธิ The Asia Foundation ที่สำรวจกลุ่มผู้อำนวยการโรงเรียนกลุ่มสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 189 คน และผู้อำนวยการโรงเรียน สังกัดกรุงเทพมหานคร 85 คน รวม 274 คน พบว่า ปัญหาผู้อำนวยการโรงเรียนยังขาดความเป็นผู้นำทางวิชาการอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเข้าใจว่า การทดสอบทางการศึกษาระดับชาติชั้นพื้นฐาน หรือ โอเน็ต คือ การแสดงผลงานวิชาการการที่นักเรียนเข้าร่วมประกวดและได้รางวัล ถือเป็นผลงานวิชาการของโรงเรียน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ผลงานวิชาการ คือ เรื่องการพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและพัฒนาสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยเรื่องนี้ที่ประชุมมองว่าเรามีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาความเป็นผู้นำทางวิชาการของผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งสอดคล้องกับสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่อยู่ระหว่างการยกร่างเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งใหม่

ประธาน กพฐ. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงเรื่องการประเมินและประกันคุณภาพโรงเรียนว่า จากนี้ สพฐ.และสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) จะร่วมมือทำงานในเชิงบูรณาการ โดยโรงเรียน สพฐ.ก็จะสร้างคุณภาพให้เกิดขึ้นอย่างเต็มที่ตามบริบทของแต่ละโรงเรียน และ สมศ.ก็จะทำหน้าที่ประเมินในสิ่งที่โรงเรียนประกันคุณภาพไว้ ว่า ทำได้หรือไม่ ต้องแก้ไขในจุดใด ช่วยกันพัฒนา และต้องมีการนำผลการประเมินโรงเรียนส่งไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เพื่อที่จะนำผลการประเมินนั้นไปสู่การแก้ไขปรับปรุงให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด เพราะที่ผ่านมาเป็นเพียงการประเมินแต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงเรื่องการเรียนออนไลน์ ว่า จะต้องมีการทำให้ชัดเจนและสามารถเรียนออนไลน์ได้จริง หรือ ทำเป็นแนวความรู้เสริมจากบทเรียนในเด็กได้เข้าไปศึกษาได้ เพราะในอนาคตการเรียนการสอนจะมุ่งไปสู่รูปแบบผสมผสานอย่างแน่นอน

ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า ตนได้เสนอที่ประชุม ว่าการขับเคลื่อนการศึกษาต่อจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยจะต้องบูรณาการกัน ไม่ใช่จัดการศึกษาแข่งกัน เช่นองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นมีความพร้อมเรื่องการจัดการศึกษาระดับปฐมวัยอย่างมีคุณภาพ ก็ให้ อปท.เป็นผู้จัด และเมื่อถึงระดับประถมศึกษา สพฐ.มีความสามารถในการจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพก็ให้ สพฐ.เป็นผู้จัดการศึกษาเป็นต้น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีโรงเรียนประถมศึกษาหลายแห่ง เปิดเป็นโรงเรียนขยายโอกาส แต่มีจำนวนนักเรียนเด็กมัธยมศึกษาไม่ถึง 20 คน ดังนั้นตนจึงมองว่าการจัดการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ควรที่จะเป็นหน้าที่ของโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาที่มีความพร้อม และความเชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการจัด.

ขอบคุณที่มาและอ่านต่อ : Facebook At_HeaR ข่าวจริงเข้าหู

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่