บอร์ดกพฐ. จี้ โรงเรียนทุกแห่งเข็น นร.ทั่วประเทศพูดภาษาอังกฤษ -ตั้งเป้าครู ระดับ A2 ขึ้นไป
บอร์ดกพฐ. จี้ โรงเรียนทุกแห่งเข็น นร.ทั่วประเทศพูดภาษาอังกฤษ -ตั้งเป้าครู ระดับ A2 ขึ้นไป

บอร์ดกพฐ. จี้ โรงเรียนทุกแห่งเข็นเด็กพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน หลังพบทักษะภาษาอังกฤษเด็กอยู่ในลำดับท้ายในกลุ่มประเทศที่ไม่ใช่ภาษาในการสื่อสาร

รศ.ดร.เอกชัย กี่สุขพันธ์ ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม กพฐ.ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการยกระดับทักษะภาษาอังกฤษของนักเรียนทั่วประเทศ เนื่องจากผลประเมินคะแนนภาษาอังกฤษของประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักพบว่า ประเทศไทยมีคะแนนการใช้ภาษาอังกฤษอยู่ในลำดับที่ 89 จาก 100 ประเทศ ซึ่งที่ประชุมมีข้อสรุปว่าจะต้องเดินหน้ายกระดับภาษาอังกฤษของเด็กไทยอย่างจริงจัง โดยขอให้โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ทั่วประเทศสร้างระบบนิเวศในโรงเรียน หรือ Eco System เช่น ห้องน้ำ โรงอาหาร ห้องประชุม ภายในโรงเรียนจะต้องมีการทำป้ายกำกับภาษาอังกฤษไว้ด้วย เป็นต้น เพื่อให้เด็กซึมซับและกระตุ้นการใช้ภาษาอังกฤษให้มากขึ้น อีกทั้งจะทำให้ครูสอนภาษาอังกฤษได้มีการสื่อสารกับนักเรียนตามไปด้วย

ประธาน กพฐ.กล่าวต่อไปว่า  ทั้งนี้เราจะต้องมีการพัฒนาครูให้มีทักษะภาษาอังกฤษด้วยเช่นกัน เนื่องจากขณะนี้พบว่าทักษะภาษาอังกฤษของครูไทยยังอยู่ระดับแต่ B1 เท่านั้น ดังนั้นเราจะตั้งเป้าหมายระดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของบุคลากรทางการศึกษาให้มีความสามารถเทียบเท่ามาตรฐาน The Common European Framework of Reference for Languages ( CEFR) ตั้งแต่ระดับ A2 ขึ้นไป  ขณะเดียวกันจะต้องไปค้นหาโรงเรียนทั้งรัฐและเอกชนที่มีการสื่อสารภาษาอังกฤษในชีวิตประจำและทำได้อย่างดีเยี่ยมให้นำมาเป็นต้นแบบให้โรงเรียนอื่นๆ นำไปต่อยอดและปฏิบัติตาม นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือถึงการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โดยมีรายงานข้อมูลว่าขณะนี้มีโรงเรียน 29 แห่งขอควบรวม และอีก 7 แห่งขอยกเลิกสถานศึกษา ซึ่งในการยกเลิกสถานศึกษานั้นเราจะกำหนดระยะเวลาการขอเลิกสถานศึกษามีกำหนด 1 ปีด้วย และเมื่อยกเลิกสถานศึกษาแล้วจะนำไปใช้ประโยชน์อะไรก็ให้แจ้งรายงานต่อเขตพื้นที่ เพราะไม่เช่นนั้นโรงเรียนบางแห่งนำเด็กไปเรียนรวม และไม่มีจำนวนนักเรียนมาอยู่ในโรงเรียนตั้งแต่ปี 2554 แต่กลับเพิ่งมาขอยกเลิกสถานศึกษาในปัจจุบัน

ขอบคุณที่มาของข่าวและอ่านต่อที่ : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 18 ธันวาคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่