สพฐ.เดินหน้าแก้บูลลี่ในกลุ่มนักเรียน หลังวิจัยพบสูงสุดอยู่ในเด็กระดับประถมศึกษา - กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ
สพฐ.เดินหน้าแก้บูลลี่ในกลุ่มนักเรียน หลังวิจัยพบสูงสุดอยู่ในเด็กระดับประถมศึกษา - กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ

สพฐ.เดินหน้าแก้บูลลี่ในกลุ่มนักเรียน หลังวิจัยพบสูงสุดอยู่ในเด็กระดับประถมศึกษา – กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ ดร.กวินทร์เกียรติ นนธ์พละ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พร้อมด้วย นายพร้อมบุญ พานิชภักดิ์ เลขาธิการมูลนิธิรักษ์ไทย ร่วมเป็นประธานในงานการประชุมนำเสนอผลงานวิจัยสถานการณ์การรังแก และเสวนาแนวทางแก้ไขปัญหานักเรียนรังแกกัน ภายใต้โครงการนักเรียนก้าวทันยุติการรังแกในโรงเรียนและโซเชียลมีเดีย สนับสนุนงบประมาณโดยกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ 

สพฐ.เดินหน้าแก้บูลลี่ในกลุ่มนักเรียน หลังวิจัยพบสูงสุดอยู่ในเด็กระดับประถมศึกษา - กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ
สพฐ.เดินหน้าแก้บูลลี่ในกลุ่มนักเรียน หลังวิจัยพบสูงสุดอยู่ในเด็กระดับประถมศึกษา – กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ

ทั้งนี้ ผศ.ดร.สมบัติ ตาปัญญา นำเสนอผลดำเนินการวิจัยเพื่อทราบสถานการณ์การรังแกในปัจจุบัน โดยจัดเก็บข้อมูลจากกลุ่มเป้าหมายนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รวมจำนวน 23,787 คน สุ่มจาก 225 เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศไทย เพื่อให้ได้ข้อมูลที่นำมาเป็นตัวแทนของนักเรียนในทุกภูมิภาค โดยได้รับความร่วมมือจากศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือนักเรียน  (ฉก.ชน.สพฐ.) ในกระบวนการสุ่มคัดเลือกโรงเรียน 

ผลการวิจัยพบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจออนไลน์เคยถูกรังแก 40.6 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดอยู่ในเด็กระดับประถมศึกษา กลุ่มที่ถูกรังแกมากที่สุดคือ กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ มากถึง 58.9 เปอร์เซ็นต์ของผู้ถูกรังแกทั้งหมด พฤติกรรมการรังแกที่พบมากคือการล้อเลียน และดูถูกเชื้อชาติ 

โดยเหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในห้องเรียนช่วงเวลาที่ครูไม่อยู่ การรังแกในโลกออนไลน์ (Cyber Bullying) ที่พบบ่อยคือการล้อเลียน และการกีดกันไม่ให้เพื่อนเข้ากลุ่ม พบในกลุ่มเด็กมัธยมมากกว่าเด็กประถม แต่ประเด็นที่น่าสนใจคือการให้ความช่วยเหลือของครูพบว่า มีครูที่ลงจัดการแก้ไขการรังแกอยู่ที่ 35.9 เปอร์เซ็นต์ 

ทั้งนี้ ข้อมูลงานวิจัยสถานการณ์การรังแกที่จัดเก็บในครั้งนี้ จะเป็นงานวิจัยที่ไม่ขึ้นหิ้ง เพราะถูกนำไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนาเครื่องมือจัดการแก้ไขปัญหาการรังแก ทั้งในรูปแบบการจัดกิจกรรมแบบ Face to Face การพัฒนาระบบการเรียนรู้ออนไลน์ E-Learning สำหรับนักเรียน และ E-Training สำหรับครู เพื่อเป็นชุดการเรียนรู้แนวทางออกแบบจัดการแก้ไขปัญหาการรังแกในโรงเรียน 

ซึ่งจะเผยแพร่และเป็นทางเลือกให้ผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานทั้ง 29,871 โรงเรียน ได้เรียนรู้ ควบคู่กับนักเรียน เพื่อนำไปสู่การออกแบบพัฒนาแนวทางจัดการ แก้ไขปัญหา และป้องกันการรังแกในโรงเรียนด้วยตนเองได้ รวมทั้งโครงการได้ประสานงานกับสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อการขยายผลไปสู่โรงเรียนในสังกัดการศึกษาเอกชน  สังกัดกรุงเทพมหานคร  และสังกัดกรมการปกครองท้องถิ่น

ในงานประชุมนำเสนอผลงานวิจัยสถานการณ์การรังแก และเสวนาแนวทางแก้ไขปัญหานักเรียนรังแกกันในครั้งนี้ ยังมีการจัดการเสวนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ “ครูปรับ สังคมปรับ การรังแกไม่ใช่เรื่องปกติ” โดยมีผู้ร่วมเสวนา ศาสตราจารย์คลินิก พญ.วินัดดา  ปิยะศิลป์  ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย , ผศ.ดร.วิมลทิพย์  มุสิกพันธ์  สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว และคุณกวิน ศิริพานิช เจ้าของ Facebook เพจ นวล

โดยมีสาระสำคัญคือ แลกเปลี่ยนมุมมองการทำงาน ผลักดันประเด็นยุติการรังแกโดยใช้กระบวนการที่ต่างกัน แต่เป้าหมายเดียวกันคือเมื่อครูและสังคมเกิดความตระหนักถึงประเด็นปัญหา เห็นความสำคัญ ร่วมมือกันแก้ไขด้วยความเข้าใจ สร้างพื้นที่ปลอดภัยที่เอื้อต่อการเรียนรู้ นำไปสู่การจัดการยุติการรังแก พร้อมแนวทางป้องกัน เสริมพลังให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ตัวเด็กอย่างแท้จริง

ขอบคุณที่มาและอ่านต่อได้ที่ : เว็บไซต์ edunewssiam วันที่ 19 สิงหาคม 2563

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่