ดาวน์โหลด เกณฑ์ใหม่เชิงประจักษ์เชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษ ก.ค.ศ.แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ว9-ว12/2564 ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๙ เป็นต้นไป
หนังสือราชการ ศธ.0206.3/1222 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่ง ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก์ และผู้บริหารการศึกษา (ว9-ว12/2564) เชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษ
คู่มือการดำเนินการ เกณฑ์ใหม่เชิงประจักษ์เชี่ยวชาญ เชี่ยวชาญพิเศษตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์และตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา สำหรับการประเมินด้านที่ 3 ด้านผลงานทางวิชาการ (ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ 0206.3/1222 ลงวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568)
ด้านที่ ๓ ด้านผลงานทางวิชาการ
๑. ความหมายของผลงานทางวิชาการ
“ผลงานทางวิชาการ” หมายความว่า รายงานการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ หรือรายงานการวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้
“นวัตกรรมเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้” หมายความว่า ผลงาน สิ่งประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์ รูปแบบ หรือกระบวนการ ที่ครูผู้สอนได้ใช้ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ของตนเองสร้างหรือพัฒนาขึ้นใหม่ซึ่งได้นำไปทดลองใช้ในการจัดการเรียนรู้ และมีข้อมูลหรือหลักฐานเชิงประจักษ์ยืนยันว่าส่งผลให้เกิดการพัฒนาหรือยกระดับคุณภาพผู้เรียน โดยนวัตกรรมนั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา การจัดการศึกษาสถานศึกษา และชุมชน ได้รับการยอมรับและเป็นแบบอย่างที่ดี
“งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้” หมายความว่า งานวิจัยเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ รวมถึงงานวิจัยในชั้นเรียน โดยครูผู้สอนดำเนินการวิจัยอย่างเป็นระบบ การวิเคราะห์ข้อมูลถูกต้อง มีการสรุปผลและเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน ครู บุคลากรทางการศึกษา การจัดการศึกษา สถานศึกษา และชุมชนและเป็นแบบอย่างที่ดี
๒. ลักษณะของผลงานทางวิชาการ มีลักษณะ ดังนี้
๒.๑ ตรงกับสาขาวิชาที่ขอเลื่อนวิทยฐานะ
๒.๒ เป็นผลงานที่เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้หรือสาขาวิชาต่าง ๆ และใช้ประโยชน์ในการจัดการเรียนรู้
๒.๓ เกิดจากการปฏิบัติงานตามหน้าที่ความรับผิดชอบตามมาตรฐานตำแหน่งและมาตรฐาน
๒.๔ ต้องเป็นผลงานในช่วงที่ดำรงตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ ในช่วงระยะเวลาย้อนหลังไม่เกิน ๕ ปี นับถึงวันที่ยื่นคำขอ
๒.๕ ต้องไม่เป็นผลงานทางวิชาการที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาเพื่อรับปริญญาหรือประกาศนียบัตรใด ๆ หรือเป็นผลงานทางวิชาการที่เคยใช้เพื่อเลื่อนตำแหน่งหรือเพื่อให้มีวิทยฐานะหรือเลื่อนวิทยฐานะมาแล้ว เว้นแต่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากผลงานเดิมของตนเอง โดยให้ระบุในผลงานทางวิชาการว่าเป็นผลงานที่ได้พัฒนาต่อยอดจากผลงานเดิมของตนเองในส่วนใดบ้าง และต้องไม่มีความซ้ำซ้อนหรือความคล้ายคลึงกับผลงานทางวิชาการของผู้อื่นตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด
๒.๖ กรณีผลงานทางวิชาการที่ร่วมจัดทำกับผู้อื่นในรูปแบบคณะทำงานหรือกลุ่ม ให้ชี้แจงให้ชัดเจนว่าผู้ขอมีส่วนร่วมในการจัดทำในส่วนใด คิดเป็นร้อยละเท่าใดของผลงานทางวิชาการแต่ละเล่ม และให้ผู้ร่วมจัดทำทุกคนลงลายมือชื่อรับรองพร้อมทั้งระบุว่าผู้ร่วมจัดทำแต่ละรายได้จัดทำในส่วนใดบ้าง
๓. การนำเสนอผลงานทางวิชาการ
๓.๑ นวัตกรรมเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ ต้องรายงานการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมที่แสดงให้เห็นถึงกระบวนการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมเชิงประจักษ์เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ และการนำนวัตกรรมนั้นไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ ส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ต่อการพัฒนาหรือยกระดับคุณภาพผู้เรียน หรือคุณภาพการศึกษาจนเป็นที่ประจักษ์ โดยอย่างน้อยต้องมีเนื้อหาครอบคลุมหัวข้อ ดังนี้
๑) ชื่อนวัตกรรมฯ
๒) ระยะเวลาการดำเนินการ
๓) ความเป็นมา ความสำคัญของปัญหา หลักการและเหตุผลความจำเป็น ที่นำมาสู่การสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมฯ
๔) วัตถุประสงค์ของการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมฯ
๕) ทฤษฎี แนวคิด หรือความรู้ทางวิชาการ ที่ใช้ในการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมฯ
๖) ขั้นตอนและกระบวนการสร้างหรือพัฒนานวัตกรรมฯ
๗) การนำนวัตกรรมฯ ไปใช้
๘) ผลจากการนำนวัตกรรมฯ ไปใช้
๙) ประโยชน์ของนวัตกรรมฯ
๑๐) การได้รับการยอมรับและเป็นแบบอย่างที่ดี
๑๑) ข้อเสนอแนะแนวทางการนำนวัตกรรมฯ ไปพัฒนาต่อยอด
กรณีที่ผู้ขอจัดทำนวัตกรรมเชิงประจักษ์ร่วมกับผู้อื่นในรูปแบบคณะทำงานหรือกลุ่ม ผู้ขอต้องเป็นผู้ดำเนินการหลักหรือมีสัดส่วนในการจัดทำนวัตกรรมเชิงประจักษ์นั้น ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐ และให้ชี้แจงว่าผู้ขอมีส่วนร่วมในการจัดทำนวัตกรรมเชิงประจักษ์ในส่วนใด คิดเป็นร้อยละเท่าใด โดยให้ผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำนวัตกรรมเชิงประจักษ์ทุกคนลงลายมือชื่อรับรองพร้อมทั้งระบุว่าได้จัดทำในส่วนใดบ้าง
๓.๒ งานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ ต้องเป็นงานวิจัยที่ใช้พัฒนาการจัดการเรียนรู้ที่แสดงถึงกระบวนการวิจัยได้ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทั้งนี้ สำหรับการขอเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญพิเศษ งานวิจัยดังกล่าวต้องได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่บทความวิจัยในวารสารวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูลของศูนย์ดัชนีการอ้างอิงวารสารไทยหรือ Thai – Journal Citation Index Centre (TCI) กลุ่ม ๑ หรือ กลุ่ม ๒ หรือในฐานข้อมูลวิชาการระดับนานาชาติ
กรณีที่ผู้ขอจัดทำงานวิจัยร่วมกับผู้อื่นในรูปแบบคณะทำงานหรือกลุ่ม ผู้ขอต้องเป็นผู้ดำเนินการหลักหรือมีสัดส่วนในการจัดทำงานวิจัยนั้น ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ ๖๐ และให้ชี้แจงว่าผู้ขอมีส่วนร่วมในการจัดทำงานวิจัยในส่วนใด คิดเป็นร้อยละเท่าใด โดยให้ผู้มีส่วนร่วมในการจัดทำงานวิจัยทุกคนลงลายมือชื่อรับรองพร้อมทั้งระบุว่าได้จัดทำในส่วนใดบ้าง
ขอบคุณที่มา : หนังสือเวียนสำนักงาน ก.ค.ศ.
