"ตรีนุช"ลั่นพร้อม "Back To School"วันที่ 1 พ.ย.เปิดเรียนปลอดภัย

“ตรีนุช”ลั่นพร้อม “Back To School”วันที่ 1 พ.ย.เปิดเรียนปลอดภัย

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.น.ส.ตรีนุช เทียทอง รมว.ศึกษาธิการ พร้อมนพ.โอภาส การ์ยกวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และผู้บริหารระดับสูงของศธ.ร่วมแถลงข่าว ‘เตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในวันที่ 1 พ.ย. สถานศึกษาปลอดภัย เด็กได้รับวัคซีนถ้วนหน้า’ โดยน.ส.ตรีนุช กล่าวว่า  ศธ. ได้ฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 หรือโควิด-19 อย่างใกล้ชิดและมีการถอดบทเรียนจากการจัดการเรียนการสอน 5 รูปแบบ หรือ 5 On ในภาค เรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 เพื่อนำไปสู่การกำหนดแนวทางการเปิดภาคเรียนต่อไปให้มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

ซึ่งจากการหารือร่วมกันระหว่าง ศธ. กับ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกระทรวงมหาดไทย (มท.) เบื้องต้นมีแนวทางในการ เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ได้แก่

1.แผนการฉีดวัคซีน Pizer 2 เข็ม แก่กลุ่มผู้ที่มีอายุ12 ปี จนถึง 17 ปี 11 เดือน 29 วัน ณ วันที่ฉีด โดยจะอนุโลมให้แก่ กลุ่มนักเรียนนักศึกษาที่มีอายุเกิน 17 ปี 11 เดือน 29 วันด้วย ซึ่งจะครอบคลุมนักเรียนนักศึกษา ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1-6 ประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส) หรือ เทียบเท่า รวมถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีอายุ 12 ปี โดยในเดือนตุลาคมเป็นตันไปจะเริ่มฉีดให้แก่นักเรียน นักศึกษา ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเช้ม) จำนวน 29 จังหวัดก่อน แต่ตั้งเป้าหมายให้นักเรียน นักศึกษาทุกคน ได้รับวัคซีน Pizer เข็มที่ 1 อย่างครบถ้วน ซึ่งที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เป็น ประธาน ได้อนุมัติในหลักการให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้แก่นักเรียน นักศึกษาทุกสังกัด กว่า 4.5 ล้าน

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้แผนการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียนอายุ 12-17 ปีนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง ซึ่งตนได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดทำแบบสำรวจความยินยอมจากผู้ปกครองแล้ว โดยคาดว่าปลายเดือนก.ย.นี้จะได้ข้อมูลสรุปจำนวนนักเรียนที่ผู้ปกครองยินยอมให้ฉีดวัคซีนได้ ส่วนการเปิดภาคเรียนของกลุ่มนักเรียนตั้งแต่ปฐมวัยไปจนถึงประถมศึกษาที่มีอายุยังไม่ถึง 12 ปีนั้นได้วางแผนการจัดการเรียนการสอนแบบ Onsite และ Online Ondemand และ Onhand รวมถึงการสลับวันมาเรียนและการจำกัดจำนวนนักเรียน ขณะเดียวกันพื้นที่ไหนที่ชุมชุนปลอดภัยไม่มีตัวเลขผู้ติดเชื้อและเป็นพื้นที่สีเขียวแล้วก็สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติ

“ศธ.ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักเรียน นักศึกษา เป็นอันดับแรก โดยได้ปรึกษาและประสานงานอย่างใกล้ชิด และการฉีดวัคนให้เด็กจะเป็นไปตามความสมัครใจ ที่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้ปกครอง กระทรวงฯ จะเร่งสร้างการรับรู้และความเข้าใจ เกี่ยวกับประโยชน์ของการฉีดวัคซีน รวมถึงวิธีการปฏิบัติก่อนและหลังการฉีดวัคซีน สำหรับการฉีดวัคซีนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษานั้น ขณะนี้มีครูได้รับวัคซีนไปแล้วกว่า 70% โดยแผนการจัดสรรวัคซีนในเดือนตุลาคมนี้จะให้สถานศึกษาส่งรายชื่อครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ยัง ไม่ได้รับวัคซีนมาด้วย เพื่อเร่งจัดสรรวัคซีนให้กลุ่มครู” รมว.ศธ.กล่าว

ขอบคุณที่มา : เว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 13 กันยายน 2564 10:51 น.

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่